2556-01-08
โทรทางไกลผ่าน VoIP
เดี๋ยวนี้จะโทรไปต่างประเทศ มีทางเลือกมากมาย
ตารางที่ 7 : ผู้ให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่มีเลขหมาย IDD Prefix
ผู้ให้บริการ TDM VoIP
บริษัท กสท โทรคมนาคม จากัด (มหาชน) (CAT) 001, 100 009,00900
บริษัท ทีโอที จากัด (มหาชน) (TOT) 007 008
บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จากัด (DTAC Network) 004
บริษัท เอไอเอ็น โกลบอลคอม จากัด (AIN) 005 00500
บริษัท ทรู อินเตอร์เนชั่นแนล คอมมิวนิเคชั่น จากัด (TIC) 006 00600
บริษัท ทริปเปิลที โกลบอล เน็ท จากัด (Triple T) 102
ที่มา: สานักเศรษฐกิจโทรคมนาคม และกลุ่มภารกิจจัดสรรเลขหมายโทรคมนาคม สานักงาน กทช.
2556-01-02
ปฏิทินปี 2555 แบบตั้งโต๊ะ "อย่าทิ้ง" มูลนิธิคนตาบอดเอาไปใช้ทำสื่อการเรียนการสอน อักษรเบรล์
ปฏิทินปี 2555 แบบตั้งโต๊ะ "อย่าทิ้ง" มูลนิธิคนตาบอดเอาไปใช้ทำสื่อการเรียนการสอน อักษรเบรล์
ที่อยู่สำหรับส่งไปรษณีย์
http://www.pantip.com/topic/13076405
พรปีใหม่ 2013 ที่น่าจดจำ
ไม่เหลือพร จะอวยใน ปีใหม่นี้
พรดีดี แย่งกันให้ ไม่เหลือหรอ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วงข้ามปี มีไม่พอ
อย่ารบกวน ท่านเลยหนอ โปรดเห็นใจ
ขึ้นปีใหม่ ใครก็ขอ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
พรไม่ค่อย สัมฤทธิ์ ช่วยไม่ไหว
ขอขอขอ ขอขอขอ อยู่ร่ำไป
ท่านไม่รู้ จะช่วยใคร งานล้นมือ
ปีใหม่นี้ ช่วยตัวเอง ลองดูก่อน
ถ้าไม่อยาก เดือดร้อน อย่าก่อหนี้
อยากจะรวย รู้จักพอ รวยทันที
อยากเป็นคน อารมณ์ดี ต้องปล่อยวาง
อยากแข็งแรง กำลังกาย ก็ต้องออก
อยากจะผอม ต้องห้ามปาก เอาไว้บ้าง
อยากสงบ หาให้พบ ทางสายกลาง
อยากจะพบ ทางสว่าง ให้เปิดไฟ
ชีวิตเรา
2555-12-27
อาหารต่อต้านความแก่:
- ผักผลไม้ที่เต็มไปด้วย antioxidant (ช่วยให้เซลล์ดีตายช้าลง)
- โปรตีน (โดยเฉพาะหลัง 40 ซึ่งร่างกายจะสูญเสีย muscle mass เองปีละ 1%)
- Omega 3 ในปลา หรือถั่ว ช่วยทั้งสมอง หัวใจ ผิว ข้อ อารมณ์
- Whole grains ค่า GI ต่ำ ข่วยให้น้ำหนักไม่ขึ้น ต่อต้านเบาหวาน โรคหัวใจ มะเร็ง ความดันสูง ง่ายๆก็ทานถั่ววันละ 1 กำมือ
- ไวน์แดง มี resveratrol เป็น antioxidant ที่ต่อต้านการเสื่อมถอยของเซลล์สมองกับหัวใจ
- กาแฟดำ หรือ ชาไม่ใส่น้ำตาล มี polyphenols ซึ่งก็เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระเหมือนกัน ช่วยเรื่องหัวใจ และความจำ
- Dark chocolate (ดีกว่า milk chocolate) มี cocoa flavanols ช่วยลดการอักเสบ ป้องกันความดันสูง แล้วก็ เพิ่มพลังสมอง
http://www.webmd.com/diet/features/best-anti-aging-foods
2553-03-20
ที่มาของเพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด
http://youtu.be/m7bONrQS2xI
ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย
เพลงนี้ คนส่วนใหญ่จะทราบความเป็นมาเพียงว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชนิพนธ์ร่วมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพระราชทานแก่ทหาร ตำรวจ ได้ร้องเพื่อปลุกใจ แต่ว่า ความเป็นมาลึกๆ คงมีคนทราบไม่มากนัก ถึงจะทราบ ก็อาจจะไม่เชื่อก็ได้ แต่ก็สมควรจะรับทราบไว้ เพื่อจะได้รับรู้ถึงความห่วงใยของอดีตมหาราช ผู้ทรงสวรรคตไปแล้ว แต่ยังคงรักบ้านเมืองเฉกเช่นเดียวกับเมื่อครั้งยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ จนทำให้ไม่ทรงเสด็จไปที่ไหน
บทความนี้ เรียบเรียงมาจากหนังสือธรรมะแจกฟรีเล่มหนึ่ง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ทราบไหมครับว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด เพลงพระราชนิพนธ์ "ความฝันอันสูงสุด" ขึ้น?
พล ตต. เจริญฤทธิ์ จำรัสโรมรัน รอง ผบ.ตำรวจตระเวนชายแดน ได้เล่าประวัติความเป็นมา ของเพลงพระราชนิพนธ์เพลงนี้ไว้ในหนังสือ "วารสารลูกเสือชาวบ้าน" ของ มานพ ลิ้มจรูญ ฉบับปฐมฤกษ์ ซึ่งผมขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อว่า
เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ได้เสด็จฯ ไปในงานพระราชพิธีสังเวยดวงวิญญาณอดีตมหาราช (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติเป็นประจำทุกปี สำหรับในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ นี้ ได้เสด็จฯ ไปที่ ต.แม่อาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นสถานที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้เสด็จฯ มาตั้งค่ายพักแรม ณ ที่นี้ก่อนยกทัพเข้าไปตีเมือง ซึ่งยังปรากฏร่องรอยรั้วป้อมค่ายต่างๆ อยู่ และในปัจจุบันนี้ รัฐบาลได้สร้างอนุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จนเรศวรมหาราชทรงช้างต้น และได้จำลองค่ายที่ประทับแรมจินตนาการ และร่องรอยที่ปรากฏอยู่ตามสภาพจริง
หลังจากเสร็จพระราชพิธี เมื่อ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ แล้วเสด็จฯ กลับประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ในคืนนั้น ก่อนรุ่งสว่าง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงสุบินนิมิตว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จฯ มาปรากฏพระองค์ขึ้น ที่หน้าพระแท่นบรรทม ในพระสุบินนิมิต สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้กราบถวายบังคม โดยที่ทรงทราบจาก พระวรกายและฉลองพระองค์ทรงเครื่องออกศึกว่า คือ องค์พระนเรศวรมหาราช และได้มีกระแสพระดำรัส แก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า พระองค์ท่านปัจจุบันนี้ ดวงพระวิญญาณยังอยู่ในประเทศไทย เพราะทรงเป็นห่วงบ้านเมือง ประชาชนคนไทย ยังไม่ได้ไปประสูติใหม่ ณ ที่ใดเลย และที่มาปรากฏในสุบินนิมิตนี้ ก็เพื่อจะทรงเตือนว่า ในอนาคตต่อจากนี้ไป บ้านเมืองไทยจะประสบกับความวุ่นวายยุ่งยาก และความมืดมนยิ่งขึ้น อย่างน่ากลัวอันตราย เหมือนกับที่เกิดขึ้นในสมัยพระองค์ท่าน
ขอให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นกำลังพระทัยถวาย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน เพื่อที่จะได้ทรงนำประชาชน และชาติไทยฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง ให้ผ่านพ้นไปได้ และพระองค์ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน จักเป็นผู้นำให้ชาติไทยและประชาชนชาวไทย ผ่านพ้นห้วงวิกฤตินี้อย่างแน่นอน และพระองค์ท่านจะเสด็จฯ ติดตามช่วยเหลืออยู่ตลอดไป และขอให้ทั้งสองพระองค์ ได้ทรงให้กำลังใจแก่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ ที่เขาเหล่านั้น ไม่มีโอกาสเข้าใกล้ถวายงานโดยใกล้ชิด แต่เป็นประชาชนที่ยึดมั่นในพระองค์ท่าน โดยไม่เคยแสดงตัวออกมาให้ปรากฏ เหมือนกับการทำบุญปิดทองหลังองค์พระปฏิมา และเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะถวายชีวิต เพื่อพระองค์ท่านและชาติไทย จึงทรงขอให้รวบรวมชาวไทยผู้รักชาติเหล่านั้น และสนับสนุนให้เขาได้มีกำลังใจเพื่อรักษาชาติบ้านเมืองไว้
ในพระสุบินนิมิตนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า พระองค์ทรงสะดุ้งพระองค์ตื่นจากที่บรรทม และทรงประทับนั่งก็ยังทรงทอดพระเนตรเห็น องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชปรากฏอยู่ จึงทรงปลุกพระบรรทมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปรากฏให้ทั้งสองพระองค์ทอดพระเนตรเห็นชั่วครู่ ก็เสด็จฯ ไป เมื่อทั้งสองพระองค์ได้ทรงถวายบังคมแล้ว
และจากพระสุบินนี้เอง ทั้งสองพระองค์จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงความฝันอันสูงสุดนี้ขึ้น และได้พิมพ์เพลงพระราชนิพนธ์นี้ พระราชทานแก่ ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ ป้องกันอธิปไตยของชาติโดยทั่วหน้า และได้โปรดเกล้าฯ ให้คุณทนงศักดิ์ ภักดีเทวา และคุณจินตนา สุขสถิตย์ ร้องเพลงนี้ สอนให้แก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือน เป็นครั้งแรกที่ตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วประเทศในเวลาต่อมา....
ที่มา: http://www.jthai.ob.tc/article/dream.htm
http://youtu.be/m7bONrQS2xI
ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย
เพลงนี้ คนส่วนใหญ่จะทราบความเป็นมาเพียงว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชนิพนธ์ร่วมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพระราชทานแก่ทหาร ตำรวจ ได้ร้องเพื่อปลุกใจ แต่ว่า ความเป็นมาลึกๆ คงมีคนทราบไม่มากนัก ถึงจะทราบ ก็อาจจะไม่เชื่อก็ได้ แต่ก็สมควรจะรับทราบไว้ เพื่อจะได้รับรู้ถึงความห่วงใยของอดีตมหาราช ผู้ทรงสวรรคตไปแล้ว แต่ยังคงรักบ้านเมืองเฉกเช่นเดียวกับเมื่อครั้งยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ จนทำให้ไม่ทรงเสด็จไปที่ไหน
บทความนี้ เรียบเรียงมาจากหนังสือธรรมะแจกฟรีเล่มหนึ่ง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ทราบไหมครับว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด เพลงพระราชนิพนธ์ "ความฝันอันสูงสุด" ขึ้น?
พล ตต. เจริญฤทธิ์ จำรัสโรมรัน รอง ผบ.ตำรวจตระเวนชายแดน ได้เล่าประวัติความเป็นมา ของเพลงพระราชนิพนธ์เพลงนี้ไว้ในหนังสือ "วารสารลูกเสือชาวบ้าน" ของ มานพ ลิ้มจรูญ ฉบับปฐมฤกษ์ ซึ่งผมขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อว่า
เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ได้เสด็จฯ ไปในงานพระราชพิธีสังเวยดวงวิญญาณอดีตมหาราช (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติเป็นประจำทุกปี สำหรับในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ นี้ ได้เสด็จฯ ไปที่ ต.แม่อาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นสถานที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้เสด็จฯ มาตั้งค่ายพักแรม ณ ที่นี้ก่อนยกทัพเข้าไปตีเมือง ซึ่งยังปรากฏร่องรอยรั้วป้อมค่ายต่างๆ อยู่ และในปัจจุบันนี้ รัฐบาลได้สร้างอนุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จนเรศวรมหาราชทรงช้างต้น และได้จำลองค่ายที่ประทับแรมจินตนาการ และร่องรอยที่ปรากฏอยู่ตามสภาพจริง
หลังจากเสร็จพระราชพิธี เมื่อ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ แล้วเสด็จฯ กลับประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ในคืนนั้น ก่อนรุ่งสว่าง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงสุบินนิมิตว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จฯ มาปรากฏพระองค์ขึ้น ที่หน้าพระแท่นบรรทม ในพระสุบินนิมิต สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้กราบถวายบังคม โดยที่ทรงทราบจาก พระวรกายและฉลองพระองค์ทรงเครื่องออกศึกว่า คือ องค์พระนเรศวรมหาราช และได้มีกระแสพระดำรัส แก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า พระองค์ท่านปัจจุบันนี้ ดวงพระวิญญาณยังอยู่ในประเทศไทย เพราะทรงเป็นห่วงบ้านเมือง ประชาชนคนไทย ยังไม่ได้ไปประสูติใหม่ ณ ที่ใดเลย และที่มาปรากฏในสุบินนิมิตนี้ ก็เพื่อจะทรงเตือนว่า ในอนาคตต่อจากนี้ไป บ้านเมืองไทยจะประสบกับความวุ่นวายยุ่งยาก และความมืดมนยิ่งขึ้น อย่างน่ากลัวอันตราย เหมือนกับที่เกิดขึ้นในสมัยพระองค์ท่าน
ขอให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นกำลังพระทัยถวาย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน เพื่อที่จะได้ทรงนำประชาชน และชาติไทยฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง ให้ผ่านพ้นไปได้ และพระองค์ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน จักเป็นผู้นำให้ชาติไทยและประชาชนชาวไทย ผ่านพ้นห้วงวิกฤตินี้อย่างแน่นอน และพระองค์ท่านจะเสด็จฯ ติดตามช่วยเหลืออยู่ตลอดไป และขอให้ทั้งสองพระองค์ ได้ทรงให้กำลังใจแก่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ ที่เขาเหล่านั้น ไม่มีโอกาสเข้าใกล้ถวายงานโดยใกล้ชิด แต่เป็นประชาชนที่ยึดมั่นในพระองค์ท่าน โดยไม่เคยแสดงตัวออกมาให้ปรากฏ เหมือนกับการทำบุญปิดทองหลังองค์พระปฏิมา และเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะถวายชีวิต เพื่อพระองค์ท่านและชาติไทย จึงทรงขอให้รวบรวมชาวไทยผู้รักชาติเหล่านั้น และสนับสนุนให้เขาได้มีกำลังใจเพื่อรักษาชาติบ้านเมืองไว้
ในพระสุบินนิมิตนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า พระองค์ทรงสะดุ้งพระองค์ตื่นจากที่บรรทม และทรงประทับนั่งก็ยังทรงทอดพระเนตรเห็น องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชปรากฏอยู่ จึงทรงปลุกพระบรรทมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปรากฏให้ทั้งสองพระองค์ทอดพระเนตรเห็นชั่วครู่ ก็เสด็จฯ ไป เมื่อทั้งสองพระองค์ได้ทรงถวายบังคมแล้ว
และจากพระสุบินนี้เอง ทั้งสองพระองค์จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงความฝันอันสูงสุดนี้ขึ้น และได้พิมพ์เพลงพระราชนิพนธ์นี้ พระราชทานแก่ ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ ป้องกันอธิปไตยของชาติโดยทั่วหน้า และได้โปรดเกล้าฯ ให้คุณทนงศักดิ์ ภักดีเทวา และคุณจินตนา สุขสถิตย์ ร้องเพลงนี้ สอนให้แก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือน เป็นครั้งแรกที่ตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วประเทศในเวลาต่อมา....
ที่มา: http://www.jthai.ob.tc/article/dream.htm
2553-03-12
การขอวีซ่ากรีซ Greece Visa
เนื่องจากตอนผมเตรียมเอกสารเองหาข้อมูลไม่ได้ แล้วในเว็ปไซท์ของสถานฑูตเองก็ให้ข้อมูลผิด ก็เลยมาโพสไว้เผื่อจะมีใครได้ประโยชน์ครับ
1. เปิดให้ไปยื่นเรื่องได้จันทร์ พุธ ศุกร์ เท่านั้น เวลา 10.00-13.00 แต่เริ่มแจกบัตรคิวก่อน โดยวันที่ผมไปแจกตอน 09.15 (ตรงนี้ตอนโทรไปถามเค๊าก็ไม่ได้บอก)
2. มีบัตรคิวเพียง 15 ใบเท่านั้น ถ้าเดินทางด้วยกัน ใช้บัตรคิวใบเดียวกันได้ (ผมจะไปกัน 3 คนก็ใช้บัตรคิวใบเดียวแล้วยื่นเรื่องพร้อมกัน)
3. ใครมาไม่ทันได้บัตรคิว ยังพอมีโอกาส ขอเจ้าหน้าที่ได้หลังจากที่เค๊าดำเนินการ 15 คิวเสร็จหมดแล้ว (แล้วแต่ดวง แล้วแต่ได้เจ้าหน้าที่คนไหน)
เอกสาร
1. สำเนาบัตรประชาชน รุ่นที่มีภาษาอังกฤษ (smart card) ถ้าไม่มีให้ไปแจ้งหายทำใหม่เลย เพราะถ้าใช้บัตรรุ่นเก่า ต้องไปแปลมาพร้อมกับให้กงศุลไทยรับรองความถูกต้อง (ใช้เวลา 2 วันทำการ หน้าละ 200 บาท)
2. สำเนา passport หน้าที่มีรูปเรา
3. passport ทุกเล่มที่เคยมีมา
4. หนังสือรับรองการทำงานภาษาอังกฤษ กรณีของผมเป็นเจ้าของกิจการ เอาหนังสือรับรองบริษัทไป ถูกสั่งให้ไปแปลแล้วให้กงศุลไทยรับรอง
5. สำเนา Bankbook/ Bank statement ย้อนหลัง 6 เดือนมีกี่เล่มกี่ธนาคารสำเนาไปให้หมด (อ่านมาจากที่อื่นว่าควรมีเงินในบัญชี= 50 euro x จำนวนวันที่จะอยู่ที่โน่น)
6. Bankbook / bank statement ตัวจริง ของน้องผมเค๊าเปิดดูทุกเล่ม แล้วถ้าตัวเลขไม่ตรง เค๊าก็จะบันทึกเพิ่มไปในสำเนา
7. ประกันสุขภาพ/อุบัตเหตุ อย่างน้อย 1.5 ล้านบาท ระยะเวลาครอบคลุมวันที่อยู่ในกรีซทั้งหมด (เค๊าไม่ได้รับทุกบริษัท ที่รู้ว่ารับแน่ๆก็มีของ AIA กับ กรุงเทพประกันภัย)
8. รูปถ่ายสองนิ้ว 2 ใบ
9. แบบฟอร์มของสถานฑูต (โหลดจากเว้ปกรอกไปก่อนได้)
10. ค่าวีซ่า 2700
11. เอกสารจองที่พัก
12. เอกสารจองตั๋วเครื่องบิน
สำคัญมาก เอกสารอะไรที่เป็นภาษาไทยล้วน ระวังให้ดีครับ ของผมเอง ต้องเอาหนังสือรับรองบริษัทวิ่งไปแปล แล้วก็วิ่งไปที่กงศุลตรงแจ้งวัฒนะ แล้วรอ 2 วันทำการ เท่าที่ทราบอีกอันก็ใบเปลี่ยนชื่อ
เอกสารอะไรที่เราสำเนา หยิบตัวจริงไปด้วยให้หมด เพื่อนผมโดนขอดูทะเบียนบ้านเฉยเลย
ยื่น เสร็จก็จะได้รับรายละเอียดบัญชี ให้เราเดินลงไปจ่ายเงินที่แบงค์กรุงเทพข้างล่าง แล้วเอาใบโอนขึ้นมายื่น แล้วก็รอว่าเค๊าจะสัมภาษณ์หรือเปล่า (ภาษาอังกฤษ) ผมไม่โดน แต่อีกสองคนโดน
เอกสาร ที่ต้องยื่นเพิ่ม สามารถ fax ตามไปได้ ไม่ต้องมายื่นด้วยตัวเองครับ
จบ ด้วยการนัดรับ passport อีก 15 วันถัดไป (ไม่ใช่ 15 วันทำการ)
งาน นี้ไปถึงสถานฑูต 09.15 กว่าจะได้ออกมา 12.45 เพราะฉนั้นใครจะไปผมว่าลางานครึ่งวันได้เลยครับ
1. เปิดให้ไปยื่นเรื่องได้จันทร์ พุธ ศุกร์ เท่านั้น เวลา 10.00-13.00 แต่เริ่มแจกบัตรคิวก่อน โดยวันที่ผมไปแจกตอน 09.15 (ตรงนี้ตอนโทรไปถามเค๊าก็ไม่ได้บอก)
2. มีบัตรคิวเพียง 15 ใบเท่านั้น ถ้าเดินทางด้วยกัน ใช้บัตรคิวใบเดียวกันได้ (ผมจะไปกัน 3 คนก็ใช้บัตรคิวใบเดียวแล้วยื่นเรื่องพร้อมกัน)
3. ใครมาไม่ทันได้บัตรคิว ยังพอมีโอกาส ขอเจ้าหน้าที่ได้หลังจากที่เค๊าดำเนินการ 15 คิวเสร็จหมดแล้ว (แล้วแต่ดวง แล้วแต่ได้เจ้าหน้าที่คนไหน)
เอกสาร
1. สำเนาบัตรประชาชน รุ่นที่มีภาษาอังกฤษ (smart card) ถ้าไม่มีให้ไปแจ้งหายทำใหม่เลย เพราะถ้าใช้บัตรรุ่นเก่า ต้องไปแปลมาพร้อมกับให้กงศุลไทยรับรองความถูกต้อง (ใช้เวลา 2 วันทำการ หน้าละ 200 บาท)
2. สำเนา passport หน้าที่มีรูปเรา
3. passport ทุกเล่มที่เคยมีมา
4. หนังสือรับรองการทำงานภาษาอังกฤษ กรณีของผมเป็นเจ้าของกิจการ เอาหนังสือรับรองบริษัทไป ถูกสั่งให้ไปแปลแล้วให้กงศุลไทยรับรอง
5. สำเนา Bankbook/ Bank statement ย้อนหลัง 6 เดือนมีกี่เล่มกี่ธนาคารสำเนาไปให้หมด (อ่านมาจากที่อื่นว่าควรมีเงินในบัญชี= 50 euro x จำนวนวันที่จะอยู่ที่โน่น)
6. Bankbook / bank statement ตัวจริง ของน้องผมเค๊าเปิดดูทุกเล่ม แล้วถ้าตัวเลขไม่ตรง เค๊าก็จะบันทึกเพิ่มไปในสำเนา
7. ประกันสุขภาพ/อุบัตเหตุ อย่างน้อย 1.5 ล้านบาท ระยะเวลาครอบคลุมวันที่อยู่ในกรีซทั้งหมด (เค๊าไม่ได้รับทุกบริษัท ที่รู้ว่ารับแน่ๆก็มีของ AIA กับ กรุงเทพประกันภัย)
8. รูปถ่ายสองนิ้ว 2 ใบ
9. แบบฟอร์มของสถานฑูต (โหลดจากเว้ปกรอกไปก่อนได้)
10. ค่าวีซ่า 2700
11. เอกสารจองที่พัก
12. เอกสารจองตั๋วเครื่องบิน
สำคัญมาก เอกสารอะไรที่เป็นภาษาไทยล้วน ระวังให้ดีครับ ของผมเอง ต้องเอาหนังสือรับรองบริษัทวิ่งไปแปล แล้วก็วิ่งไปที่กงศุลตรงแจ้งวัฒนะ แล้วรอ 2 วันทำการ เท่าที่ทราบอีกอันก็ใบเปลี่ยนชื่อ
เอกสารอะไรที่เราสำเนา หยิบตัวจริงไปด้วยให้หมด เพื่อนผมโดนขอดูทะเบียนบ้านเฉยเลย
ยื่น เสร็จก็จะได้รับรายละเอียดบัญชี ให้เราเดินลงไปจ่ายเงินที่แบงค์กรุงเทพข้างล่าง แล้วเอาใบโอนขึ้นมายื่น แล้วก็รอว่าเค๊าจะสัมภาษณ์หรือเปล่า (ภาษาอังกฤษ) ผมไม่โดน แต่อีกสองคนโดน
เอกสาร ที่ต้องยื่นเพิ่ม สามารถ fax ตามไปได้ ไม่ต้องมายื่นด้วยตัวเองครับ
จบ ด้วยการนัดรับ passport อีก 15 วันถัดไป (ไม่ใช่ 15 วันทำการ)
งาน นี้ไปถึงสถานฑูต 09.15 กว่าจะได้ออกมา 12.45 เพราะฉนั้นใครจะไปผมว่าลางานครึ่งวันได้เลยครับ
2552-12-11
2552-08-15
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)